กติกาบาคาร่าเบื้องต้นที่มือใหม่ต้องรู้
บาคาร่าเป็นเกมไพ่ยอดนิยมในคาสิโนทั่วโลก รวมถึงคาสิโนออนไลน์ ด้วยรูปแบบการเล่นที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นาน ทำให้บาคาร่ากลายเป็นเกมโปรดของใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาเกมคาสิโนที่เข้าใจง่ายและให้ความบันเทิง บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจกับกติกาบาคาร่าเบื้องต้นที่มือใหม่จำเป็นต้องรู้ เพื่อให้การเริ่มต้นเล่นบาคาร่าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนานยิ่งขึ้น
หัวใจหลักของเกม บาคาร่า คือการทายว่าฝั่งไหนจะมีแต้มรวมของไพ่ใกล้เคียงกับ 9 แต้มมากที่สุด ระหว่างฝั่ง “ผู้เล่น” (Player) และฝั่ง “เจ้ามือ” (Banker) หรือจะทายว่าทั้งสองฝั่งมีแต้มเสมอกัน (Tie) ก็ได้ โดยมีรายละเอียดกติกาที่สำคัญดังนี้:
- การนับแต้มไพ่บาคาร่า:
ไพ่ A (เอซ): มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
ไพ่ตัวเลข 2-9: มีค่าตามหน้าไพ่
ไพ่ 10, J (แจ็ค), Q (ควีน), K (คิง): มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
การคำนวณแต้มรวม: หากแต้มรวมของไพ่ในมือเกิน 9 แต้ม จะนับเฉพาะตัวเลขหลักหน่วยเท่านั้น ตัวอย่างเช่น:
ไพ่ 7 กับ ไพ่ 5 แต้มรวมคือ 12 จะนับเป็น 2 แต้ม
ไพ่ K กับ ไพ่ 8 แต้มรวมคือ 8 (0+8) จะนับเป็น 8 แต้ม
- การแจกไพ่:
ดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่ให้กับฝั่ง “ผู้เล่น” และ “เจ้ามือ” ฝั่งละ 2 ใบแรก หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้แต้มรวม 8 หรือ 9 แต้มจากไพ่ 2 ใบแรก จะเรียกว่า “แนเชอรัล” (Natural) และจะถือว่าชนะในรอบนั้นทันที (ยกเว้นกรณีที่ได้แนเชอรัล 8 แล้วอีกฝั่งได้แนเชอรัล 9 ฝั่งที่ได้ 9 จะชนะ)
- กฎการจั่วไพ่ใบที่ 3:
หากไม่มีฝั่งใดได้ “แนเชอรัล” การจั่วไพ่ใบที่สามจะถูกนำมาพิจารณา โดยมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างตายตัวและแตกต่างกันระหว่างฝั่งผู้เล่นและเจ้ามือ ดังนี้:
ฝั่งผู้เล่น (Player):
ถ้าแต้มรวม 2 ใบแรกคือ 0-5 แต้ม: ผู้เล่นจะต้องจั่วไพ่ใบที่ 3 กติกาบาคาร่า
ถ้าแต้มรวม 2 ใบแรกคือ 6-7 แต้ม: ผู้เล่นจะต้องอยู่ (Stand) หรือไม่จั่วไพ่เพิ่ม
ถ้าแต้มรวม 2 ใบแรกคือ 8-9 แต้ม: เป็นแนเชอรัล ไม่มีการจั่วไพ่เพิ่ม
ฝั่งเจ้ามือ (Banker): การตัดสินใจจั่วไพ่ของเจ้ามือจะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย และขึ้นอยู่กับแต้มของผู้เล่น รวมถึงแต้มของเจ้ามือเอง ดังนี้:
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 0-2 แต้ม: เจ้ามือจั่วไพ่ใบที่ 3 เสมอ
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 3 แต้ม: เจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่ 3 ยกเว้นกรณีที่ไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 8
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 4 แต้ม: เจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่ 3 หากไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 2, 3, 4, 5, 6, หรือ 7
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 5 แต้ม: เจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่ 3 หากไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 4, 5, 6, หรือ 7
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 6 แต้ม: เจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่ 3 หากไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นเป็น 6 หรือ 7
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 7 แต้ม: เจ้ามืออยู่ (Stand) ไม่จั่วไพ่เพิ่ม
ถ้าเจ้ามือมี 2 ใบแรก 8-9 แต้ม: เป็นแนเชอรัล ไม่มีการจั่วไพ่เพิ่ม
สำหรับมือใหม่ อาจไม่จำเป็นต้องจำกฎการจั่วไพ่ใบที่ 3 ของฝั่งเจ้ามือทั้งหมดในทันที เพราะดีลเลอร์จะเป็นผู้ดำเนินการตามกฎโดยอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่ามีเงื่อนไขเหล่านี้อยู่
- รูปแบบการเดิมพันหลักและอัตราการจ่ายเงิน:
เดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player): ทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะ อัตราการจ่ายเงินคือ 1:1 (แทง 1 ได้ 1 ไม่รวมทุน)
เดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker): ทายว่าฝั่งเจ้ามือจะชนะ อัตราการจ่ายเงินคือ 1:0.95 (แทง 1 ได้ 0.95 ไม่รวมทุน) ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% ให้กับเจ้ามือ เนื่องจากโดยสถิติแล้วฝั่งเจ้ามือมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย
เดิมพันเสมอ (Tie): ทายว่าทั้งสองฝั่งจะมีแต้มเท่ากัน อัตราการจ่ายเงินคือ 1:8 (แทง 1 ได้ 8 ไม่รวมทุน) เป็นตัวเลือกที่มีอัตราการจ่ายสูง แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่า
- ตัวเลือกการเดิมพันเพิ่มเติม (Side Bets): กติกาบาคาร่า
นอกจากตัวเลือกการเดิมพันหลักแล้ว ในเกมบาคาร่าหลายๆ แห่งยังมีตัวเลือกการเดิมพันเพิ่มเติมให้เลือกเล่น เช่น:
ผู้เล่นไพ่คู่ (Player Pair): ทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่นจะเป็นไพ่คู่ (เช่น K, K หรือ 7, 7)
เจ้ามือไพ่คู่ (Banker Pair): ทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือจะเป็นไพ่คู่
ใหญ่ (Big): ทายว่าจะมีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้นในรอบนั้น (รวมเป็น 5 หรือ 6 ใบในเกม)
เล็ก (Small): ทายว่าจะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้นในรอบนั้น (รวมเป็น 4 ใบในเกม)
อัตราการจ่ายเงินสำหรับการเดิมพันเพิ่มเติมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคาสิโน
เริ่มต้นอย่างมั่นใจ:
การทำความเข้าใจกติกาบาคาร่าเบื้องต้นเหล่านี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับมือใหม่ เมื่อคุณคุ้นเคยกับวิธีการนับแต้ม การแจกไพ่ และตัวเลือกการเดิมพันต่างๆ แล้ว คุณจะสามารถสนุกกับเกมบาคาร่าได้อย่างเต็มที่ อย่าลืมว่าการเล่นเกมคาสิโนควรเป็นไปเพื่อความบันเทิงและควรเล่นอย่างมีความรับผิดชอบ กำหนดงบประมาณในการเล่นและยึดตามนั้นเสมอ
วิธีนับแต้มไพ่บาคาร่าอย่างละเอียด
การนับแต้มในเกมบาคาร่านั้นตรงไปตรงมา ไม่มีความซับซ้อนเท่าเกมไพ่บางชนิด ผู้เล่นเพียงแค่ต้องจดจำค่าของไพ่แต่ละใบและวิธีการรวมแต้มให้ถูกต้อง โดยมีหลักการดังต่อไปนี้:
- ค่าของไพ่แต่ละใบในเกมบาคาร่า:
ไพ่ A (Ace): มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
ไพ่ตัวเลข 2 ถึง 9: มีค่า ตามตัวเลขหน้าไพ่ นั้นๆ (เช่น ไพ่ 2 มีค่า 2 แต้ม, ไพ่ 5 มีค่า 5 แต้ม)
ไพ่ 10: มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
ไพ่ J (Jack / แจ็ค): มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
ไพ่ Q (Queen / แหม่ม): มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
ไพ่ K (King / คิง): มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
ข้อสังเกตสำคัญ: ไพ่ที่มีรูปหน้าคน (J, Q, K) และไพ่ 10 จะมีค่าเป็นศูนย์แต้ม ซึ่งเป็นจุดที่มือใหม่มักจะสับสน ดังนั้นควรจำให้แม่นยำ
- การรวมแต้มไพ่ในมือ:
เมื่อดีลเลอร์แจกไพ่ให้แต่ละฝั่ง (ผู้เล่น “Player” และเจ้ามือ “Banker”) การนับแต้มจะทำโดยการนำค่าของไพ่แต่ละใบในมือนั้นๆ มารวมกัน โดยมีกฎง่ายๆ คือ:
ผลรวมแต้มตั้งแต่ 0 ถึง 9: จะนับตามผลรวมนั้นได้เลย
ผลรวมแต้มเกิน 9 (ตั้งแต่ 10 ขึ้นไป): จะนับเฉพาะ ตัวเลขหลักหน่วย ของผลรวมนั้นๆ หรือพูดง่ายๆ คือ ตัดเลขหลักสิบทิ้งไป
ตัวอย่างการนับแต้มไพ่บาคาร่า:
ไพ่ในมือคือ 7 และ 9:
แต้มรวม = 7 + 9 = 16
แต้มบาคาร่าที่นับคือ 6 แต้ม (ตัดเลข 1 หลักสิบออก)
ไพ่ในมือคือ A, 5 และ K:
แต้มรวม = 1 (A) + 5 + 0 (K) = 6
แต้มบาคาร่าที่นับคือ 6 แต้ม
ไพ่ในมือคือ Q และ 10: กติกาบาคาร่า
แต้มรวม = 0 (Q) + 0 (10) = 0
แต้มบาคาร่าที่นับคือ 0 แต้ม (บางครั้งเรียกว่า “บอด” หรือ “Baccarat”)
ไพ่ในมือคือ 4 และ 5:
แต้มรวม = 4 + 5 = 9
แต้มบาคาร่าที่นับคือ 9 แต้ม (แต้มสูงสุดในเกมบาคาร่า เรียกว่า “ป๊อก 9”)
ไพ่ในมือคือ 3 และ 5:
แต้มรวม = 3 + 5 = 8
แต้มบาคาร่าที่นับคือ 8 แต้ม (รองจาก 9 แต้ม เรียกว่า “ป๊อก 8”)
- แต้มสูงสุดในเกมบาคาร่า:
แต้มสูงสุดในเกมบาคาร่าคือ 9 แต้ม หากฝั่งใดได้แต้มรวมเป็น 8 หรือ 9 จากไพ่ 2 ใบแรก จะเรียกว่า “แนชเชอรัล” (Natural) หรือ “ป๊อก” (เช่น ป๊อก 8, ป๊อก 9) และโดยส่วนใหญ่จะตัดสินผลแพ้ชนะทันทีโดยไม่ต้องจั่วไพ่ใบที่สาม (ยกเว้นมีเงื่อนไขพิเศษบางประการ)
ความสำคัญของการเข้าใจวิธีนับแต้ม:
การรู้วิธีนับแต้มไพ่บาคาร่าอย่างละเอียดและถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้คุณ:
ติดตามเกมได้อย่างเข้าใจ: รู้ว่าแต่ละฝั่งได้กี่แต้ม และสถานการณ์ของเกมเป็นอย่างไร
เข้าใจกฎการจั่วไพ่ใบที่ 3: กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของทั้งฝั่งผู้เล่นและเจ้ามือจะอ้างอิงจากแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรก การเข้าใจเรื่องแต้มจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ตัดสินใจวางเดิมพันได้ดีขึ้น: แม้บาคาร่าจะเป็นเกมที่อาศัยโชคเป็นส่วนใหญ่ แต่การเข้าใจแต้มก็ช่วยให้คุณประเมินความน่าจะเป็นและเลือกเดิมพันได้อย่างมีหลักการมากขึ้นในระยะยาว
โดยสรุปแล้ว วิธีการนับแต้มไพ่บาคาร่านั้นไม่ยาก เพียงแค่จำค่าของไพ่แต่ละประเภทให้ได้ และจำไว้ว่าหากผลรวมเกิน 9 ให้ใช้เฉพาะเลขหลักหน่วยเท่านั้น เมื่อคุณเชี่ยวชาญในการนับแต้มแล้ว ประสบการณ์การเล่นบาคาร่าของคุณจะสนุกและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการเดิมพัน
ทำไมต้องเข้าใจกฎนี้ กติกาบาคาร่า
แม้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องท่องจำกฎการเรียกไพ่ใบที่สามของเจ้ามือทั้งหมดนี้อย่างแม่นยำ เพราะดีลเลอร์จะเป็นผู้จัดการให้โดยอัตโนมัติ แต่การมีความรู้ความเข้าใจในกฎเกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้:
คุณอ่านเกมได้ขาดมากขึ้น: สามารถคาดการณ์ได้ว่าเจ้ามือมีแนวโน้มจะจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดิมพันของคุณในตาถัดๆ ไป (หากคุณใช้กลยุทธ์การเดินเงินหรือวิเคราะห์เค้าไพ่)
เพิ่มความสนุกในการลุ้น: การรู้ว่าไพ่ใบต่อไปจะส่งผลต่อการกระทำของเจ้ามืออย่างไร ทำให้การลุ้นไพ่แต่ละใบมีความหมายและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
ลดความสับสน: หากคุณเห็นเจ้ามือจั่วหรือไม่จั่วไพ่ในบางสถานการณ์ การเข้าใจกฎจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกสงสัยหรือคิดว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง
โดยสรุป กฎการเรียกไพ่ใบที่สามของฝั่งเจ้ามือในเกมบาคาร่านั้นถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนและตายตัว ถึงแม้จะดูซับซ้อนในตอนแรก แต่เมื่อทำความเข้าใจแล้ว กติกาบาคาร่า คุณจะพบว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์และความคลาสสิกของเกมไพ่ชนิดนี้ การเรียนรู้กฎเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้คุณสนุกและอินไปกับเกมบาคาร่าได้มากยิ่งขึ้นครับ
ข้อแตกต่างระหว่างบาคาร่าแบบดั้งเดิมกับบาคาร่ารูปแบบอื่น
แม้ว่าหัวใจหลักของเกมบาคาร่าในทุกรูปแบบจะยังคงเป็นการทายผลว่าฝั่งใด (ผู้เล่นหรือเจ้ามือ) จะมีแต้มใกล้เคียง 9 มากที่สุด หรือจะเสมอกัน แต่รายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างก็สร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ให้กับบาคาร่าแต่ละประเภท ดังนี้:
- บาคาร่าแบบดั้งเดิม (Traditional Baccarat / Punto Banco)
บรรยากาศและขนาดโต๊ะ: มักจะพบในคาสิโนขนาดใหญ่ มีโต๊ะขนาดใหญ่ที่รองรับผู้เล่นได้หลายคน (อาจถึง 12-14 คน) บรรยากาศมีความเป็นทางการและค่อนข้างเคร่งขรึมเล็กน้อย มักมีผู้เล่นที่แต่งกายสุภาพและใช้เงินเดิมพันสูง
บทบาทของผู้เล่น: ใน Punto Banco ผู้เล่นไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในการจั่วไพ่ การตัดสินใจทั้งหมดเป็นไปตามกฎที่กำหนดไว้ตายตัว (Fixed Rules) ผู้เล่นเพียงแค่วางเดิมพันเท่านั้น
ความเร็วในการดำเนินเกม: กติกาบาคาร่า เกมจะดำเนินไปอย่างช้าๆ ค่อนข้างเป็นพิธีรีตอง เนื่องจากมีผู้เล่นหลายคนและอาจมีการสลับกันเป็นเจ้ามือ (ในบางรูปแบบเก่าแก่เช่น Chemin de Fer แต่ Punto Banco ที่นิยมในปัจจุบัน ดีลเลอร์จะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด)
การเปิดไพ่ (Squeeze): ในบาคาร่าแบบดั้งเดิมบางแห่ง โดยเฉพาะกับผู้เล่นที่วางเดิมพันสูง อาจมีการอนุญาตให้ผู้เล่นที่เดิมพันสูงสุดในฝั่ง Player หรือ Banker เป็นผู้ค่อยๆ เปิดไพ่ (Squeeze) เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและอรรถรส
ค่าคอมมิชชั่น: โดยทั่วไปจะมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% เมื่อเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) ชนะ
- บาคาร่ารูปแบบอื่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน (มักพบบนคาสิโนออนไลน์):
มินิบาคาร่า (Mini Baccarat):
ข้อแตกต่างหลัก: เป็นเวอร์ชันย่อส่วนของบาคาร่าดั้งเดิม ใช้โต๊ะขนาดเล็กกว่า (คล้ายโต๊ะแบล็คแจ็ค) รองรับผู้เล่นน้อยกว่า (ประมาณ 7 คน)
ความเร็ว: เกมดำเนินไปเร็วกว่ามาก เนื่องจากมีผู้เล่นน้อยลงและขั้นตอนไม่ซับซ้อนเท่า
วงเงินเดิมพัน: มักจะมีขั้นต่ำในการเดิมพันที่ต่ำกว่า ทำให้เข้าถึงง่ายสำหรับผู้เล่นทั่วไป
กฎกติกา: โดยทั่วไปยังคงใช้กฎการนับแต้มและการจั่วไพ่เหมือน Punto Banco แบบดั้งเดิม
สปีดบาคาร่า (Speed Baccarat):
ข้อแตกต่างหลัก: เน้นความรวดเร็วในการเล่นแต่ละรอบอย่างชัดเจน
ความเร็ว: กติกาบาคาร่า รอบเกมสั้นมาก อาจใช้เวลาเพียง 25-30 วินาทีต่อรอบ (เทียบกับบาคาร่าปกติที่อาจใช้เวลา 45 วินาทีถึง 1 นาที) การแจกไพ่และการตัดสินผลจะกระชับฉับไว
เหมาะสำหรับ: ผู้เล่นที่ชอบความตื่นเต้นและไม่ต้องการรอนาน
บาคาร่า สควีซ (Baccarat Squeeze / Control Squeeze):
ข้อแตกต่างหลัก: เพิ่มลูกเล่นในการ “ลุ้นไพ่” หรือ “สควีซไพ่” เข้ามา โดยดีลเลอร์หรือระบบจะค่อยๆ เผยไพ่ทีละน้อย โดยเฉพาะไพ่ที่มีผลต่อการตัดสินแพ้ชนะ
รูปแบบออนไลน์: ในเวอร์ชัน Control Squeeze ผู้เล่นที่วางเดิมพันสูงสุดในรอบนั้นๆ อาจมีสิทธิ์ควบคุมการเปิดไพ่ผ่านหน้าจอของตนเองได้ สร้างประสบการณ์ที่สมจริงและมีส่วนร่วมมากขึ้น
ความเร็ว: อาจช้ากว่าสปีดบาคาร่าเล็กน้อย แต่เพิ่มความตื่นเต้นในการลุ้น
บาคาร่าไม่มีค่าคอมมิชชั่น (No Commission Baccarat):
ข้อแตกต่างหลัก: ไม่มีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% เมื่อเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) ชนะ และจ่ายเต็ม 1:1
เงื่อนไขพิเศษ: เพื่อชดเชยการไม่เก็บค่าคอมมิชชั่น มักจะมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น หากเจ้ามือชนะด้วยแต้มรวม 6 แต้ม ผู้ที่เดิมพันฝั่งเจ้ามืออาจจะได้รับเงินรางวัลเพียงครึ่งหนึ่ง (0.5:1) หรือมีกฎเฉพาะอื่นๆ ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ
ข้อดี: ผู้เล่นไม่ต้องกังวลเรื่องการคำนวณค่าคอมมิชชั่น
ไลท์นิ่งบาคาร่า (Lightning Baccarat):
ข้อแตกต่างหลัก: เป็นบาคาร่าที่มีฟีเจอร์ “ไพ่สายฟ้า” (Lightning Cards) แบบสุ่มในแต่ละรอบก่อนแจกไพ่
ตัวคูณรางวัล: ไพ่สายฟ้าเหล่านี้จะมีตัวคูณเงินรางวัลติดมาด้วย (เช่น 2x, 3x, 5x, 8x) หากผู้เล่นชนะในรอบนั้นและมีไพ่สายฟ้าที่ตรงกับไพ่ในมือที่ชนะ เงินรางวัลจะถูกคูณเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ค่าธรรมเนียม: มักจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ (Lightning Fee) ประมาณ 20% ของเงินเดิมพันในแต่ละรอบเพื่อเข้าร่วมลุ้นตัวคูณนี้
ความตื่นเต้น: เพิ่มโอกาสในการชนะรางวัลใหญ่และสร้างความเร้าใจที่ไม่เหมือนใคร
ดราก้อนไทเกอร์ (Dragon Tiger):
ข้อแตกต่างหลัก: กติกาบาคาร่า แม้จะไม่ใช่บาคาร่าโดยตรง แต่ก็มักถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันเพราะความคล้ายคลึงในแง่ความง่ายและความเร็ว เป็นเกมที่ใช้ไพ่เพียงฝั่งละ 1 ใบเท่านั้น
การเดิมพัน: ทายว่าฝั่ง “มังกร” (Dragon) หรือ “เสือ” (Tiger) จะมีแต้มสูงกว่า หรือจะทาย “เสมอ” (Tie)
ความง่าย: กติกาง่ายที่สุด ไม่มีการจั่วไพ่เพิ่มใดๆ
- มีเงื่อนไขพิเศษเมื่อ Banker ชนะที่ 6 แต้ม
** มักมี Lightning Fee เพิ่มเติมจากเงินเดิมพัน
*** ไม่รวม Lightning Fee
เลือกบาคาร่าแบบไหนให้เหมาะกับคุณ กติกาบาคาร่า
ชอบความคลาสสิก บรรยากาศเป็นทางการ ไม่รีบร้อน: บาคาร่าแบบดั้งเดิมในคาสิโนจริง
ชอบความเร็ว เล่นง่าย เข้าถึงง่าย: มินิบาคาร่า หรือ สปีดบาคาร่า
ชอบความตื่นเต้นในการลุ้นไพ่: บาคาร่า สควีซ
ไม่ชอบการคำนวณค่าคอมมิชชั่น: No Commission Baccarat (แต่ต้องดูเงื่อนไข Banker ชนะที่ 6 แต้ม)
ชอบลุ้นรางวัลใหญ่ทวีคูณ: ไลท์นิ่งบาคาร่า (แต่ต้องยอมรับค่าธรรมเนียม)
การทำความเข้าใจข้อแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกรูปแบบบาคาร่าที่ตรงกับความชอบ สไตล์การเล่น และงบประมาณของคุณได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเลือกเล่นบาคาร่ารูปแบบใด ขอให้สนุกและเล่นอย่างมีความรับผิดชอบนะครับ!
อัตราการจ่ายเงินรางวัลของบาคาร่าแต่ละรูปแบบ
ในการเล่นบาคาร่า ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดิมพันได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีอัตราการจ่ายเงินรางวัลที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้:
- การเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player Win) กติกาบาคาร่า
ความหมาย: ทายว่าแต้มรวมของไพ่ฝั่ง “ผู้เล่น” จะสูงกว่าแต้มรวมของไพ่ฝั่ง “เจ้ามือ”
อัตราการจ่ายเงินรางวัล: 1:1 (แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน)
ตัวอย่าง: หากคุณเดิมพันฝั่งผู้เล่น 100 บาท และฝั่งผู้เล่นชนะ คุณจะได้รับเงินรางวัล 100 บาท รวมทุนที่ลงไปเป็น 200 บาท
- การเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker Win)
ความหมาย: ทายว่าแต้มรวมของไพ่ฝั่ง “เจ้ามือ” จะสูงกว่าแต้มรวมของไพ่ฝั่ง “ผู้เล่น”
อัตราการจ่ายเงินรางวัล: 1:0.95 (แทง 1 จ่าย 0.95 ไม่รวมทุน)
คำอธิบายเพิ่มเติม: อัตราการจ่ายของฝั่งเจ้ามือจะน้อยกว่าฝั่งผู้เล่นเล็กน้อย เนื่องจากมีการ หักค่าคอมมิชชั่น 5% ให้กับทางคาสิโน เหตุผลก็เพราะตามสถิติแล้ว ฝั่งเจ้ามือมีโอกาสที่จะชนะสูงกว่าฝั่งผู้เล่นอยู่เล็กน้อย แม้จะมีการหักค่าคอมมิชชั่น แต่หลายคนก็ยังนิยมเดิมพันฝั่งเจ้ามือเพราะโอกาสชนะที่สูงกว่านี่เอง
ตัวอย่าง: หากคุณเดิมพันฝั่งเจ้ามือ 100 บาท และฝั่งเจ้ามือชนะ คุณจะได้รับเงินรางวัล 95 บาท (100 x 0.95) รวมทุนที่ลงไปเป็น 195 บาท
- การเดิมพันเสมอ (Tie Game)
ความหมาย: ทายว่าแต้มรวมของไพ่ทั้งฝั่ง “ผู้เล่น” และฝั่ง “เจ้ามือ” จะเท่ากัน
อัตราการจ่ายเงินรางวัล: 1:8 (แทง 1 จ่าย 8 ไม่รวมทุน)
คำอธิบายเพิ่มเติม: กติกาบาคาร่า การเดิมพันเสมอเป็นการเดิมพันที่มีอัตราการจ่ายสูงที่สุดในบรรดาการเดิมพันหลักทั้งสามแบบ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะเกิดผลเสมอในเกมบาคาร่านั้นมีค่อนข้างน้อย ทำให้เป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย
ตัวอย่าง: หากคุณเดิมพันเสมอ 100 บาท และผลออกมาเสมอ คุณจะได้รับเงินรางวัล 800 บาท รวมทุนที่ลงไปเป็น 900 บาท
- การเดิมพันผู้เล่นไพ่คู่ (Player Pair)
ความหมาย: ทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่ง “ผู้เล่น” จะเป็นไพ่หน้าเดียวกัน (เช่น ไพ่ 7 กับ 7, ไพ่ K กับ K)
อัตราการจ่ายเงินรางวัล: 1:11 (แทง 1 จ่าย 11 ไม่รวมทุน)
คำอธิบายเพิ่มเติม: เป็นการเดิมพันข้างเคียง (Side Bet) ที่ได้รับความนิยม อัตราจ่ายค่อนข้างสูง แต่โอกาสเกิดก็น้อยกว่าการชนะแบบปกติ
ตัวอย่าง: หากคุณเดิมพันผู้เล่นไพ่คู่ 100 บาท และไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่นออกเป็นไพ่คู่ คุณจะได้รับเงินรางวัล 1,100 บาท รวมทุนเป็น 1,200 บาท
- การเดิมพันเจ้ามือไพ่คู่ (Banker Pair)
ความหมาย: ทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่ง “เจ้ามือ” จะเป็นไพ่หน้าเดียวกัน
อัตราการจ่ายเงินรางวัล: 1:11 (แทง 1 จ่าย 11 ไม่รวมทุน)
คำอธิบายเพิ่มเติม: เช่นเดียวกับ Player Pair เป็นการเดิมพันข้างเคียงที่มีอัตราจ่ายสูง
ตัวอย่าง: หากคุณเดิมพันเจ้ามือไพ่คู่ 100 บาท และไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือออกเป็นไพ่คู่ คุณจะได้รับเงินรางวัล 1,100 บาท รวมทุนเป็น 1,200 บาท
การเดิมพันข้างเคียงอื่นๆ (Other Side Bets):
นอกจากนี้ ในโต๊ะบาคาร่าบางแห่งหรือในบาคาร่าออนไลน์บางรูปแบบ อาจมีตัวเลือกการเดิมพันข้างเคียงอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น
ใหญ่ (Big): ทายว่าจะมีการจั่วไพ่ใบที่สามเกิดขึ้นในรอบนั้น (รวมมีไพ่ 5 หรือ 6 ใบบนโต๊ะ) อัตราจ่ายอาจอยู่ที่ประมาณ 1:0.54
เล็ก (Small): กติกาบาคาร่า ทายว่าจะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเกิดขึ้นในรอบนั้น (รวมมีไพ่ 4 ใบบนโต๊ะ) อัตราจ่ายอาจอยู่ที่ประมาณ 1:1.5
โบนัสต่างๆ (Bonus Bets): เช่น Dragon Bonus, Super Six ซึ่งจะมีเงื่อนไขและอัตราจ่ายเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ควรศึกษารายละเอียดก่อนเล่น
ข้อควรจำ:
ตรวจสอบอัตราจ่ายเสมอ: อัตราการจ่ายเงินรางวัล โดยเฉพาะสำหรับ Side Bets อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละคาสิโนหรือผู้ให้บริการเกม ควรตรวจสอบข้อมูลที่หน้าโต๊ะหรือในหน้าข้อมูลเกมทุกครั้งก่อนเริ่มเล่น สอนเล่นบาคาร่า
ความเสี่ยงและผลตอบแทน: การเดิมพันที่มีอัตราการจ่ายสูง มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน (โอกาสชนะน้อยลง) ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสไตล์การเล่นและงบประมาณของคุณ วิธีเล่นบาคาร่า
การทำความเข้าใจอัตราการจ่ายเงินรางวัลของบาคาร่าแต่ละรูปแบบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวางเดิมพันได้อย่างชาญฉลาดและตรงกับเป้าหมายการเล่นของคุณมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเน้นเล่นเพื่อความสนุกสนาน หรือต้องการสร้างผลกำไร การรู้ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับเกมบาคาร่าได้อย่างเต็มศักยภาพ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการเดิมพันครับ แทงบาคาร่า